1. จำนวน Pixels บน Image Sensor หมายถึงจำนวน Pixels ทั้งหมดที่อยู่บน Image Sensors
2. จำนวน Pixels ที่ถูกใช้งานในการบันทึกภาพ จะเรียกว่า Effective Pixels จำนวน Effective Pixels จะน้อยกว่าจำนวน Pixels ทั้งหมดบน Image Sensor บางครั้งเราเรียกว่า Optical Resolution
3. จำนวน Pixels ที่บันทึกลงบนภาพ มักเรียกว่า Recording Pixels หรือ Output Pixels เป็นจำนวน Pixelsจริงที่จะถูกบันทึกลงบนการ์ดเก็บข้อมูลโดยจะมีจำนวนใกล้เคียงกับ Effective Pixels แต่กล้องบางตัวอาจจะมี Recording Pixelsมากกว่า Effective Pixels ถึง 1.5 หรือ 2 เท่า ซึ่งจำนวน Pixels ที่เพิ่มขึ้นมานั้น ได้จากการจำลองข้อมูลจาก Effective Pixels ขึ้นมา เพื่อให้ภาพมีจำนวน Pixels มากขึ้น แต่คุณภาพโดยรวมจะไม่เพิ่มขึ้น
โดยปกติการเลือกซื้อกล้องดิจิตอลหรือการเลือกขนาดความละเอียดของภาพมาใช้งาน จะพิจารณาจากจำนวน Effective Pixels กล้องที่มีจำนวน Effecive Pixels มากมีแนวโน้มว่าจะมีคุณภาพดีกว่ากล้องที่มีจำนวน Effecive Pixels น้อย แต่ทั้งนี้ ขึ้นกับขนาดของ Image Sensor ขนาดของ Photo detector ความลึกสี ระบบประมวลผล เลนส์ และส่วนประกอบอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
กล้องดิจิตอลส่วนใหญ่จะเลือกจำนวน Pixels ในการถ่ายภาพได้หลายค่า เช่น กล้องขนาด 5 ล้านพิกเซล อาจจะเลือกถ่ายภาพได้ที่ 5 ล้านพิกเซล, 3 ล้านพิกเซล, 1ล้านพิกเซล, และ 7 แสนพิกเซล โดยทั่วไป เราสามารถเข้าไปเลือกความละเอียดของภาพได้โดยการเข้าไปที่ Menu (หรือ Setting) แล้วเข้าไปที่ Image Size (หรือ Quality) จะปรากฏเมนูในการตั้งความละเอียดของภาพขึ้นโดยทั่วไป ภาพที่มีจำนวน Pixels มาก จะสามารถนำไปขยายภาพขนาดใหญ่ได้ดีกว่าภาพที่มีจำนวน Pixels น้อย ให้ความคมชัด ความละเอียดที่ดีกว่า ภาพแตกเป็นสี่เหลี่ยมได้ยากกว่า แต่จำนวน Pixels ที่มากกว่า ก็ต้องใช้เนื้อที่ของหน่วยความจำในการเก็บข้อมูลมากกว่า สิ้นเปลืองพลังงานในการประมวลผลมากกว่า กล้องทำงานช้ากว่า ทั้งการเก็บข้อมูลและการเรียกดูภาพบนการ์ดเก็บข้อมูล การตั้งความละเอียดไว้สูงสุดอาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการบันทึกภาพด้วยกล้องดิจิตอล เรามีวิธีในการเลือกความละเอียดของภาพโดยพิจารณาจากการนำภาพไปใช้งาน 1. ถ้าต้องการถ่ายภาพเพื่อส่ง E-Mail หรือใช้ทำ Presentation ้ในคอมพิวเตอร์ ความละเอียด 1 ล้านพิกเซลถือว่าเพียงพอ 2. ต้องการไปใช้งานพิมพ์ งานอัดขยายภาพด้วยเครื่อง Printer คุณภาพสูง (Photo Quality) ควรดูว่าจะขยายภาพขนาดเท่าไร จากนั้นเอาขนาดภาพคูณด้วย 300 จะได้ขนาดของภาพที่ควรตั้ง เช่น ขยายภาพขนาด 4x6 นิ้ว ควรตั้งที่ความละเอียด 4x300 , 6x300 = 1200x1800 pixels = 2.16 ล้านพิกเซลถ้าอัตราขยายภาพสูงมาก ๆ แต่กล้องไม่สามารถตั้งความละเอียดตามที่ต้องการได้ ควรตั้งความละเอียดไว้ที่สูงสุดเท่าที่กล้องจะสามารถทำได้ แต่ต้องทำใจเอาไว้นิดหน่อยว่า ภาพอาจจะแตกและคุณภาพไม่ดีนัก เมื่อมองในระยะใกล้ 3. ใช้งานพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์แบบ Inkjet ให้ใช้ขนาดภาพที่ต้องการใช้งานคูณด้วย 150 แต่ถ้าเป็นเครื่อง Inkjet ที่มีความละเอียดสูงมาก ๆ ต้องคูณด้วย 300 กล้องดิจิตอลระดับ Consumer ในปัจจุบันมีความละเอียดประมาณ 3 ล้านพิกเซล สามารถอัดขยายภาพขนาด 4x6 นิ้ว (4R) จนถึง 8x10 นิ้ว (8R) ได้อย่างมีคุณภาพ ส่วนกล้องระดับ Prosumer มีความละเอียดประมาณ 4-5 ล้านพิกเซล สามรถขยายภาพขนาด A4 (8.25x11.5 นิ้ว) ได้ และกล้องดิจิตอลระดับ Pro. ความละเอียด 6 ล้านพิกเซลสามารถขยายภาพขนาด A4 ถึง 10x15 นิ้วได้สบาย ๆ โดยเฉพาะรูปที่ถ่ายในระยะใกล้ เช่น รูปสินค้า รูปบุคคลครึ่งตัว แต่ถ้าเป็นรูประยะไกลซึ่งต้องการความละเอียดสูงมาก ๆ จะยังทำได้ไม่ดีเท่าไรนัก
กล้องดิจิตอลโดยทั่วไปจะเก็บภาพเป็น Photoshop TIFF File, JPEG File หรือ RAW Files คุณภาพของภาพที่ได้จากไฟล์แบบต่างๆ จะมีคุณภาพแตกต่างกันออกไป ซึ่งเราเรียกคุณภาพที่แตกต่างกันจากการรูปแบบการเก็บภาพนี้ว่า Image Quality สามารถเข้าไปตั้งค่า Image Quality ได้โดยการเข้าไปที่ Menu (หรือ Setting) แล้วเข้าไปที่ Image QualityImage Quality มักจะแบ่งออกเป็นระดับคือ
กล้องดิจิตอลไม่มีความไวแสงที่แท้จริงความไวแสงที่มีให้ปรับตั้งนั้นเป็นความไวแสงเทียบเคียง (ISO Equivalent) เมื่อเทียบกับฟิล์มถ่ายภาพ ความไวแสงของกล้องดิจิตอลจะสามารถปรับตั้งได้หลายค่า มีตั้งแต่ ISO 100 ไปจนถึง ISO 3200 แล้วแต่รุ่นกล้องความไวแสงสูงจะช่วยให้สามารถใช้ขนาดช่องรับแสงแคบและความเร็วชัตเตอร์สูงมาก ๆ ได้ ถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยได้สะดวกการตั้งความไวแสงของกล้องดิจิตอล ส่วนใหญ่จะอยู่ที Menu > ISO
กล้องดิจิตอลบางรุ่นสามารถตั้งความคมชัดของภาพได้หลายระดับ โดยการเข้าไปที่ Menu > Sharpness สามารถเลือกความคมชัดได้ 3 ระดับคือ Normal คมชัดปานกลาง, Soft ไม่ปรับความคมชัด และ Hard (Sharp) ปรับความคมชัดสูงสุด โดยปกติจะปรับความคมชัดเอาไว้ที่ Normal ยกเว้นการถ่ายภาพบุคคลที่ต้องการความนุ่มนวล จะปรับเอาไว้ที่ Soft และถ้าเป็นภาพสินค้า ภาพวิว หรือภาพในระยะไกล จะปรับความคมชัดเอาไว้ที่ Hardความคมชัดของกล้องดิจิตอลเกิดจากการใช้ Software เมื่อสั่งเพิ่มความคมชัดมาก ๆ จะเกิดขอบคล้าย ๆ กับการใช้คำสั่ง Sharpen ใน Filter ของ Photoshop
ในกล้องดิจิตอลระดับกลางบางรุ่น และกล้องดิจิตอลระดับมืออาชีพ สามารถตั้งความอิ่มตัวของสีได้ โดยการเข้าไปที่ Menu > Color ระดับความอิ่มตัวของสีจะมีให้เลือก 4 ระดับคือ High ความอิ่มตัวของสีสูงสุด, Normal ความอิ่มตัวของสีปานกลาง, Original ไม่มีการปรับความอิ่มตัวของสี และ B&W ภาพขาวดำ
กล้องดิจิตอลในรุ่นปานกลางถึงรุ่นสูงจะสามารถตั้งค่าความเปรียบต่างของภาพได้ โดยการเข้าไปที่ Menu>Contrast โดยปกติ ค่าความเปรียบต่างจะถูกตั้งไว้ที่ Normal หรือปานกลาง ผู้ใช้สามารถลดหรือเพิ่มความเปรียบต่างของภาพได้ โดยการเลือกไปที่ High หรือ Low
ขอบคุณกับบทความดีๆ ได้ประโยชน์มากครับ
ตอบลบ