ระบบวัดแสง (Light Metering)
ในกล้องดิจิตอลจะมีระบบวัดแสงเช่นเดียวกับกล้องใช้ฟิล์ม ระบบวัดแสงทำหน้าที่ควรคุมปริมาณแสงที่จะตกลง Image Sensor ให้เหมาะสมในแต่ละภาพ ทำให้ได้ภาพที่สว่างพอดี (Normal Exposure) ไม่มืดดำ (Under Exposure) หรือขาวสว่าง (Over Exposure) เกินไป ระบบวัดแสงของกล้องดิจิตอลจะมีอยู่ 2-ลักษณะคือ ใช้ Sensor สำหรับวัดแสงโดยตรง โดยจะมี Light Sensor แยกออกมาสำหรับควบคุมปริมาณแสงโดยเฉพาะ กับใช้ Image Sensorในการกำหนดความมืดสว่างของภาพแทน Light Sensor
การปรับตั้งระบบวัดแสงของกล้องดิจิตอล สามารถทำได้โดยเข้าไปที่ Menu>Metering
การปรับตั้งระบบวัดแสงของกล้องดิจิตอล สามารถทำได้โดยเข้าไปที่ Menu>Metering
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhRsJKmiT93yFtppaBiw3cD6rJY03e5L-xpgcYMIU7EGCfwx9rrFlZlFI2jXzBhzx2b1wv9N_Ddz3O5BcaGtSNf5cChVhxFfEm5hQh_M5S2dXxm75jW8YClTjua4ClsqAUfkNhKNqNcCSY/s400/22.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEijqR3kvTvEYQhhZaGKSkgWXFsG62nvPfx9EscBK9F8ybVfpDBx6iJsgT7Ymg8vYaqYc7cZ-hdIl4RxoLymwcctF0iROKcK_leVo5mRbdi9DDiXH5oNiGCcsLnl6PTOrLOm09AeWPI-FQM/s400/21.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEijqR3kvTvEYQhhZaGKSkgWXFsG62nvPfx9EscBK9F8ybVfpDBx6iJsgT7Ymg8vYaqYc7cZ-hdIl4RxoLymwcctF0iROKcK_leVo5mRbdi9DDiXH5oNiGCcsLnl6PTOrLOm09AeWPI-FQM/s400/21.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiIXjNrVZWUITt1yPmSlqfvmB78R5ePgKYECsIIDC5wJ4zYmbDDg5ynq909OGm_ZHXWCKBe5BC86E1zoyP1UAlWliffXaqJ4GhDC0CnuJg67B3RC0f_7zCibwf3gvwt_kwreN9tIriEwEY/s400/20.jpg)
ระบบวัดแสงของกล้องดิจิตอลแบ่งออกเป็น 4 ระบบใหญ่ ๆ ให้เลือกใช้งานคือ
1. ระบบวัดแสงเฉลี่ยทั้งภาพ ( Average Light-Meterting) เป็นการวัดแสงโดยการเฉลี่ยความสว่างของวัตถุในภาพทั้งหมด แล้วใช้ค่าเฉลี่ยที่ได้ในการเปิดรับแสง เหมาะสำหรับการถ่ายภาพตามแสง ไม่มีส่วนมืดหรือสว่างมากเกินไป ใช้งานได้ดีกับภาพทิวทัศน์
2. ระบบวัดแสงเฉลี่ยหนักกลางภาพ (Center-weight Average-Light-Metering) คล้าย ๆ กับระบบเฉลี่ยทั้งภาพ แต่มีการเน้นความสำคัญในบริเวณกลางภาพมากกว่าส่วนอื่นๆ ทำให้วัตถุที่อยู่กลางภาพมีผลต่อการวัดแสงมากกว่าส่วนอื่นๆ เหมาะสำหรับการใช้งานที่มีสภาพแสงไม่ยุ่งยากมากนัก ไม่มีส่วนมืดหรือสว่างมากจนเกินไป ใช้ในการถ่ายภาพทิวทัศน์ ภาพบุคคล หรือถ่ายภาพตามแสงได้ดี
3. ระบบวัดแสงแบ่งพื้นที่ (Multi-segment Light-Metering) ระบบนี้จะมีการแบ่งพื้นในช่องมองภาพออกเป็นส่วนเล็ก ๆ ตั้งแต่ 64 ถึง 1000 ส่วน แต่ละส่วนจะวัดแสงในพื้นที่ของตนเอง แล้วนำค่าแสงมาประมวลผลเพื่อหาความเปรียบต่าง ความสว่างของพื้นที่จุดสนใจ ความสว่างของพื้นที่ส่วนใหญ่ เพื่อวิเคราะห์ลักษณะภาพที่ควรจะเป็น และกำหนดค่าการเปิดรับแสงออกมา เป็นระบบวัดแสงที่ทันสมัยและชาญฉลาดมากที่สุด เหมาะกับการถ่ายภาพในทุกสถานะการณ์ ไม่ว่าจะเป็นภาพทิวทัศน์ ภาพบุคคล ภาพเคลื่อนไหว ภาพกลางคืน ภาพมีความแตกต่างของแสงมาก ๆ สามารถวัดแสงได้แม่นยำ เหมาะกับการถ่ายภาพที่ต้องการความรวดเร็ว หรือผู้ใช้ไม่ชำนาญในด้านการวัดแสงมากนัก
4. ระบบวัดแสงเฉพาะจุด (Spot Light-Metering) เป็นการวัดแสงจากพื้นที่ส่วนกลางภาพเท่านั้น เหมาะสำหรับผู้ที่ชำนาญในการถ่ายภาพมาก ๆ ใช้งานยาก แต่มีความแม่นยำสูงมากหากใช้งานได้ถูกต้อง
5. ระบบวัดแสงเฉพาะส่วนกลางภาพ (Partial Light -Metering) คล้ายระบบวัดแสงเฉพาะจุด วัดแสงเฉพาะส่วนกลางภาพ แต่พื้นที่ใหญ่กว่าแบบเฉพาะจุด ให้ความแม่นยำสูง แต่ใช้งานยากพอ ๆ กับระบบเฉพาะจุด
1. ระบบวัดแสงเฉลี่ยทั้งภาพ ( Average Light-Meterting) เป็นการวัดแสงโดยการเฉลี่ยความสว่างของวัตถุในภาพทั้งหมด แล้วใช้ค่าเฉลี่ยที่ได้ในการเปิดรับแสง เหมาะสำหรับการถ่ายภาพตามแสง ไม่มีส่วนมืดหรือสว่างมากเกินไป ใช้งานได้ดีกับภาพทิวทัศน์
2. ระบบวัดแสงเฉลี่ยหนักกลางภาพ (Center-weight Average-Light-Metering) คล้าย ๆ กับระบบเฉลี่ยทั้งภาพ แต่มีการเน้นความสำคัญในบริเวณกลางภาพมากกว่าส่วนอื่นๆ ทำให้วัตถุที่อยู่กลางภาพมีผลต่อการวัดแสงมากกว่าส่วนอื่นๆ เหมาะสำหรับการใช้งานที่มีสภาพแสงไม่ยุ่งยากมากนัก ไม่มีส่วนมืดหรือสว่างมากจนเกินไป ใช้ในการถ่ายภาพทิวทัศน์ ภาพบุคคล หรือถ่ายภาพตามแสงได้ดี
3. ระบบวัดแสงแบ่งพื้นที่ (Multi-segment Light-Metering) ระบบนี้จะมีการแบ่งพื้นในช่องมองภาพออกเป็นส่วนเล็ก ๆ ตั้งแต่ 64 ถึง 1000 ส่วน แต่ละส่วนจะวัดแสงในพื้นที่ของตนเอง แล้วนำค่าแสงมาประมวลผลเพื่อหาความเปรียบต่าง ความสว่างของพื้นที่จุดสนใจ ความสว่างของพื้นที่ส่วนใหญ่ เพื่อวิเคราะห์ลักษณะภาพที่ควรจะเป็น และกำหนดค่าการเปิดรับแสงออกมา เป็นระบบวัดแสงที่ทันสมัยและชาญฉลาดมากที่สุด เหมาะกับการถ่ายภาพในทุกสถานะการณ์ ไม่ว่าจะเป็นภาพทิวทัศน์ ภาพบุคคล ภาพเคลื่อนไหว ภาพกลางคืน ภาพมีความแตกต่างของแสงมาก ๆ สามารถวัดแสงได้แม่นยำ เหมาะกับการถ่ายภาพที่ต้องการความรวดเร็ว หรือผู้ใช้ไม่ชำนาญในด้านการวัดแสงมากนัก
4. ระบบวัดแสงเฉพาะจุด (Spot Light-Metering) เป็นการวัดแสงจากพื้นที่ส่วนกลางภาพเท่านั้น เหมาะสำหรับผู้ที่ชำนาญในการถ่ายภาพมาก ๆ ใช้งานยาก แต่มีความแม่นยำสูงมากหากใช้งานได้ถูกต้อง
5. ระบบวัดแสงเฉพาะส่วนกลางภาพ (Partial Light -Metering) คล้ายระบบวัดแสงเฉพาะจุด วัดแสงเฉพาะส่วนกลางภาพ แต่พื้นที่ใหญ่กว่าแบบเฉพาะจุด ให้ความแม่นยำสูง แต่ใช้งานยากพอ ๆ กับระบบเฉพาะจุด
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjde_6lzsYEN4xJoaUOVvu2fMHnk5lERawW_KlPsc5LdB2p0RlO5uCiihgt6k2m-C5xM2RCvOcSFqTakgYL1g-weAdACv0LjLLv0bRFY3GY0IR5fK5OAPW-De8xxPiL_QOmKwIqeW1Eyv0/s400/19.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg34Zgy8RNjC5H5IGuAOKtXt_S4sElVTMlOhwHMOC0oGwWjUsBqRMZfmCX8znYXSFKTDQTAAtW2vhyByFOckJZ9phk8_LqzvGyVh8bo6efF444LSNSxep4p8B-g4qk7Y1eJvpZDu1KWOLE/s400/18.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhCCBpW0_syK6yvDtvlGnQqrYaUS32pByUlUTgFsGRZ5EPc-toXSco1rwhhZ5mOQy5Uiq5D2BOYPyRhzdnuR5KHC8v2AOuSuCfUuOd0pebudyP20UnvtKaBVxFzULImdToQnyVPJa5eFG0/s400/17.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEikIV_jhvt2sR48gvhF4W_uHly_6-TbpNfue4sCvJKcK0vpoJyG3AoHzhrO1h5k_kleZa8LGYRpiAVefsvwCabaTcuct-GevybeWhjWig5qHKEOr2I6_EM0_sOqtc671JFCQEymNAWG_cM/s400/17.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj5-ai0c1xN5Fl804u0MRmAbFMtjy7erz5CQhZONzPYnRbTzeqSJxl2K_ZM27yRb52GiEkPhFfYpyfKM55usWBFO-js8950OY3XpXZ-T0Y00O6G3ibN1K3PGQ1DHOpgc5Wq5ywrmTaky4A/s400/16.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhFNABffMzG2wj37wgW50YSn_oRJzyiPFccd6YPLzqAnIOopgPuglDTFINZhOGzVVrwxAkyoVgdG5PzFfvA_K8fcwSDbtYJ6hM33j-Nn0PLf6FXsK2641YvQYZgH2La6i6kbvZx5qXX-60/s400/15.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhdhJGVs7l7OJGl-IA6q1KV-cmI0LCWGWn5SfpdCOHVYqahZC7dSO4XFhwWnKvZs0qkG7VE3mkt-t2LaP_jwxVyXuLFHTcMYYtr7hBo6-fcJtv3KtTbeJhnCeD6G4IzRVsjZKTea-Afpig/s400/14.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh7e8KHqhhEEfRD0Pcg-sARn-if4ksRrHqpr4cooiczW3JKvmEkLRVz1pXh1lkPbvMLNQ_kPPpxmyQytWnJX8fgpyRlzhTlD8-I9knp-5L4n7WBgVYth_TpbP0nPs4arY56Ob-q8cN_dHc/s400/13.jpg)
การวัดแสงจะกระทำต่อเมื่ออยู่ในระบบถ่ายภาพแบบปรับตั้งเองเท่านั้น หากเป็นระบบถ่ายภาพอัตโนมัติต่างๆ การวัดแสงและการปรับตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ หรือขนาดช่องรับแสง หรือทั้งสองส่วนจะเป็นแบบอัตโนมัติตามระบบการทำงานที่เลือกใช้
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgEtTrTQAEpvAE_Akm-3sA1nyB3EeWu877keAxS4YRpxWgs1nY70j9mjVtCqKoI-V8D_CDGHBsB_lff4Di5dZJAjmnC0rQHxzP1AsRVCyxb-6lR7GAh_GfQ3sHhI6uKuRkEbP45KnXZ98Q/s400/12.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj2kiy41ecDBIFaDz72rqtKY7As2ul2yaLl-Zqo5CPhqvSIEQc1m_jlQGeqYI9P0H9E4V3OQwRQ6MVUPPx3odPyHzLg4NeT3A2CheAMDo0P-LEhlAchMlvQvIS-xU-_0hqSTnz_K7N3aNg/s400/11.jpg)
การตั้งระบบชดเชยแสง (Exposure Compensation)
กล้องดิจิตอลส่วนใหญ่ตั้งแต่มือสมัครเล่นไปจนระดับมืออาชีพ จะมีระบบชดเชยแสงอยู่ด้วย เพื่อควบคุมความมืดสว่างของภาพ แม้ว่ากล้องตัวนั้นจะไม่สามารถเลือกระบบวัดแสง หรือระบบถ่ายภาพได้ก็ตาม ระบบชดเชยแสงจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ระบบชดเชยแสงต่อเนื่อง สำหรับควบคุมความสว่างของแสงต่อเนื่อง และแสงธรรมชาติ เช่น แสงอาทิตย์ แสงจากหลอดฟลูออเรสเซนท์ แสงจากไฟทังสเตน ซึ่งถือเป็นแสงที่ส่องสว่างเป็นเวลานานต่อเนื่อง และระบบชดเชยแสงแฟลช สำหรับควบคุมความสว่างของแฟลชให้ได้ตามที่ต้องการ การใช้ระบบชดเชยแสงของกล้องดิจิตอลใช้งานได้ง่ายมาก โดยอาศัยดูภาพจากจอ LCD ถ้าภาพมืดเกินไปให้เพิ่มปริมาณแสง และถ้าแสงน้อยเกินไปให้ลดปริมาณแสงลง แต่การดูภาพจากจอ LCD อาจจะไม่แม่นยำมากนัก ถ้าใช้ควบคู่กับระบบ Preview หรือ Postview จะทำงานได้แม่นยำกว่า
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjAkDilZpBwrOJSe7dIFrILG40edVeYfyv4EQe91QrFG1E_3ynRoVhcJuwaKR2EjauLAAXqy9Z4XBOwy6rQeOeHPZAWzP_xxjwj8PnGYuORhgsLU-yBNiNl-nBUMoYlXlOhSjzcCHP1RcE/s400/10.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhidrUzOBjYjLQ0nxq5jHCNUOuB67ay5czk20-4JX-5vcDp7lDdMYs4jtGtAiBolg0Bu8GVPMRg2ox8p8x1wvIYvorwDN1kACMHwISPIQZVE2a08kifUB0aLJDJGqf_grK8fLAXCQXXOlk/s400/9.jpg)
การชดเชยแสงจะกระทำเมื่อการทำงานของระบบวัดแสงไม่สามารถให้ภาพได้ดีอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ เช่น ภาพมืดเกินไปหรือสว่างเกินไป จากที่ต้องการ หาก
1.ภาพมืดเกินไป มักเกิดจากการถ่ายภาพย้อนแสง มีวัตถุสว่างในภาพมาก ๆ ทำให้ระบบวัดแสงทำงานผิดพลาด ภาพมืดกว่าที่ต้องการ ผู้ใช้กล้องต้องเพิ่มค่าแสง โดยการชดเชยแสงไปทาง + ภาพจะสว่างขึ้น
2. ภาพสว่างเกินไป มักเกิดจากวัตถุมีสีเข้ม หรือฉากหลังมีสีเข้มกว่าตัวแบบ ทำให้เครื่องวัดแสงทำงานผิดพลาด ภาพสว่างกว่าที่ต้องการ ผู้ใช้กล้องต้องลดปริมาณแสงลง โดยการชดเชยแสงไปทาง - ภาพจะมืดลง
1.ภาพมืดเกินไป มักเกิดจากการถ่ายภาพย้อนแสง มีวัตถุสว่างในภาพมาก ๆ ทำให้ระบบวัดแสงทำงานผิดพลาด ภาพมืดกว่าที่ต้องการ ผู้ใช้กล้องต้องเพิ่มค่าแสง โดยการชดเชยแสงไปทาง + ภาพจะสว่างขึ้น
2. ภาพสว่างเกินไป มักเกิดจากวัตถุมีสีเข้ม หรือฉากหลังมีสีเข้มกว่าตัวแบบ ทำให้เครื่องวัดแสงทำงานผิดพลาด ภาพสว่างกว่าที่ต้องการ ผู้ใช้กล้องต้องลดปริมาณแสงลง โดยการชดเชยแสงไปทาง - ภาพจะมืดลง
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiu7e_rhxdi8bZcIYzxyZ8arJI19rCBd3jjvq16_C9Sglate_LOtYPDCFOaO7hAeXxnhN7d1RssFCXf8d416nUFMljUv7ly-8W7TsExx6n1kEEGwqnJcLWaZHA0_FcVh9APohokYXnpdj4/s400/8.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjfoV2C3OSM-NHKVgeY1R5WTz7RHN2VsixnjXXp_Bofb75zascm0O5oHuK3j4p6Ry_apZ9vo2aahsEkygByoAJI4Wi3044MIl1FiTpZjEIJ5o_z_9BqL_LZ-EeavNNs4wEoeE1AIP90hEo/s400/7.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjWQ-TAGY9Wltb2zStTZldGzLweuQEaiqzOgVlvuvlOcN_tJ1I2WNbDs_tdZX01dzXM1hOhwsW4GDMOAwnUI9lU8AR1ZuIG-F_f8vcmhCb-ogduZatuhPNRAOXgbJEwVqS-tGxlQandgLw/s400/6.jpg)
การชดเชยแสงจะมากหรือน้อยขึ้นกับความต้องการให้ภาพเป็นอย่างไรเป็นสำคัญไม่มีค่าตายตัวหรือข้อกำหนดในการใช้งาน ซึ่งเมื่อใช้งานระบบชดเชยแสงไปนาน ๆผู้ใช้จะเริ่มรู้ว่าควรชดเชยแสงเท่าไรในภาพนั้น ๆ แต่ถ้าไม่ต้องการใช้ความชำนาญ ให้ใช้ระบบถ่ายภาพแบบ Preview ซึ่งกล้องจะแสดงภาพที่ถ่ายได้ก่อนบันทึกลงการ์ด หากภาพเป็นที่พอใจค่อยบันทึกลงการ์ด แต่ถ้าไม่พอใจ สามารถปรับเปลี่ยนค่าชดเชยแสงเพื่อให้ได้ภาพที่ต้องการได้ จะได้ภาพที่มีความสว่างดังใจ ส่วนกล้องที่ไม่มีระบบ Preview อาจจะต้องถ่ายภาพ บันทึกลงการ์ด แล้วค่อยดูภาพ หากไม่พอใจก็ต้องลบภาพทิ้งแล้วถ่ายภาพใหม่อีกครั้ง ซึ่งจะเสียเวลามากกว่า
ระบบชดเชยแสงแฟลชจะแยกออกจากระบบชดเชยแสงต่อเนื่อง สามารถเข้าไปใช้ระบบนี้ได้โดยการเข้าที่ Menu > Flash >Exposure Compensation หรือ +- การใช้งานเหมือนการใช้ระบบชดเชยแสงต่อเนื่อง แต่ให้ดูที่แสงแฟลชแทนว่าแสงแฟลชมากหรือน้อยเกินไป ไม่ใช่ดูภาพทั้งภาพ
ข้อจำกัดของระบบชดเชยแสงแฟลชก็คือ หากแสงแฟลชน้อยเกินไปเพราะแฟลชอยู่ห่างจากวัตถุมากเกินไป แม้จะชดเชยแสงแฟลชเพิ่ม ภาพก็จะไม่สว่างขึ้น เพราะเกินกำลังการทำงานของแฟลช
ระบบถ่ายภาพคร่อมค่าการเปิดรับแสง (Bracketing)
ระบบชดเชยแสงแฟลชจะแยกออกจากระบบชดเชยแสงต่อเนื่อง สามารถเข้าไปใช้ระบบนี้ได้โดยการเข้าที่ Menu > Flash >Exposure Compensation หรือ +- การใช้งานเหมือนการใช้ระบบชดเชยแสงต่อเนื่อง แต่ให้ดูที่แสงแฟลชแทนว่าแสงแฟลชมากหรือน้อยเกินไป ไม่ใช่ดูภาพทั้งภาพ
ข้อจำกัดของระบบชดเชยแสงแฟลชก็คือ หากแสงแฟลชน้อยเกินไปเพราะแฟลชอยู่ห่างจากวัตถุมากเกินไป แม้จะชดเชยแสงแฟลชเพิ่ม ภาพก็จะไม่สว่างขึ้น เพราะเกินกำลังการทำงานของแฟลช
ระบบถ่ายภาพคร่อมค่าการเปิดรับแสง (Bracketing)
ระบบถ่ายคร่อมค่าการเปิดรับแสงจะมีอยู่ในกล้องดิจิตอลเกือบทุกรุ่นเช่นเดียวกับระบบชดเชยแสงสามารถเข้าสู่ระบบถ่ายภาพคร่อมได้โดยการเลือก Menu > Bracketing หรือเข้าไปที่ระบบถ่ายภาพคร่อมโดยตรง ซึ่งมักจะแยกออกเป็นระบบถ่ายภาพต่างหากที่ระบบการทำงานหลัก สัญลักษณ์จะเป็นสี่เหลี่ยมสามอันซ้อนกัน เป็นขาว เทา และดำ
เมื่อเข้าสู่ระบบถ่ายคร่อม กล้องจะให้เลือกค่าการถ่ายคร่อม เช่น +-0.3 EV หมายถึงจะถ่ายภาพทั้งหมด 3 ภาพ โดยมีค่าการเปิดรับแสง น้อยกว่าที่วัดแสงได้ 0.3 EV ตามค่าการวัดแสง และมากกว่าที่วัดแสงได้ 0.3 EV เป็นต้น จากนั้นกล้องจะเก็บภาพทั้ง 3 ภาพเอาไว้ ซึ่งผู้ใช้สามารถไปเลือกภายหลังได้ว่าภาพใดให้สีดีที่สุด
เมื่อเข้าสู่ระบบถ่ายคร่อม กล้องจะให้เลือกค่าการถ่ายคร่อม เช่น +-0.3 EV หมายถึงจะถ่ายภาพทั้งหมด 3 ภาพ โดยมีค่าการเปิดรับแสง น้อยกว่าที่วัดแสงได้ 0.3 EV ตามค่าการวัดแสง และมากกว่าที่วัดแสงได้ 0.3 EV เป็นต้น จากนั้นกล้องจะเก็บภาพทั้ง 3 ภาพเอาไว้ ซึ่งผู้ใช้สามารถไปเลือกภายหลังได้ว่าภาพใดให้สีดีที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น