วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2552

กล้องและเลนส์กล้องดิจิตอล

กล้องและเลนส์กล้องดิจิตอล
เราสามารถจำแนกประเภทของกล้องดิจิตอลออกเป็น 2 รูปแบบด้วยกันคือ1. กล้องดิจิตอลสำหรับมือสมัครเล่น (Consumer Digital Cameras) 2. กล้องดิจิตอลสำหรับมืออาชีพ (Professional Digital Camera) สำหรับใช้งานในสตูดิโอหรืองานที่ต้องการคุณภาพสูงมากๆ กล้องดิจิตอลสำหรับมืออาชีพแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบคือ กล้องดิจิตอล (Digital Camera) และ ฝาหลังแบบดิจิตอล(Digital Back)

กล้องดิจิตอลระดับมืออาชีพ มักนำตัวกล้องที่ใช้ฟิล์มแบบ 35mm. SLR หรือกล้อง APS.SLR มาดัดแปลงให้เป็นกล้องดิจิตอล โดยการปรับเปลี่ยนฝาหลังและแทนที่ฟิล์มด้วย Image Sensor พร้อมกับปรับ-ปรุงระบบการทำงานในตัวกล้องใหม่ เช่น Nikon D1X , D100 , Canon EOS1D , EOS60D ,Fuji FinePix S2 Pro จำนวนพิกเซลจะสูงถึง 5-6 ล้านพิกเซล ใช้ Image Sensor ขนาดใหญ่ และมีขนาดของ Photodetector ขนาดใหญ่กว่าที่ใช้ในกล้องระดับ consumer มาก ทำให้ได้ภาพมีคุณภาพสูงกว่า ทั้งในด้านของความคมชัด รายละเอียด และความลึกสี แม้ว่าจะมีจำนวน Pixel เท่ากันก็ตาม กล้องดิจิตอลระดับมืออาชีพมักมองภาพผ่านเลนส์ มีกระจกสะท้อนภาพ มีม่านชัตเตอร์ วัดแสงผ่านเลนส์ ปรับความชัดผ่านเลนส์ และมีระบบการทำงานและการใช้งานเหมือนกับกล้องแบบ 35mm.SLR นอกจากคุณภาพของภาพที่สูงมากแล้วกล้องดิจิตอลระดับมืออาชีพยังมีข้อได้เปรียบตรงที่มีอุปกรณ์ประกอบให้เลือกใช้งานมากมาย เช่น เลนส์ แฟลช ช่องมองภาพมุมต่ำ ฯลฯกล้องดิจิตอลระดับอาชีพ จะมีระบบควบคุมภาพที่ดีกว่ากล้องมือสมัครเล่นมาก สามารถควบคุมความเปรียบต่าง ความคมชัด ความอิ่มตัวของสี ช่วงการรับแสง ไปถึงการแก้ไขการไล่ระดับโทนในช่วงต่าง ๆ ที่ตัวกล้องได้
Digital Back หรือฝาหลังดิจิตอล ออกแบบให้ใช้กับกล้อง 120 หรือกล้อง View Camera ขนาดของ CCD จะใหญ่เท่ากับฟิล์มขนาด 35มม. คือ 24x36 มม. หรือใหญ่ถึง 60x60 มม. มีจำนวน Pixels สูงกว่า 10 ล้านพิกเซล และมีความลึกสีสูงกว่า 12 bit/สี ให้ภาพคุณภาพสูงมาก และมีราคาสูงมาก เช่น Digital Back ของ Better Light สำหรับกล้อง View Camera ให้ความละเอียดภาพสูงถึง 8000x10640 pixels ความลึกสี 16 bit ให้ภาพขนาด 244 MB. Image Sensor ของกล้องดิจิตอลระดับมืออาชีพ Digital Back มีให้เลือกหลายรูปแบบ เช่น RGB Matrix , Linear CCD , 3CCDs , Ratating Filter Type CCD. ซึ่งใน 3 ประเภทหลังมีคุณภาพสูงมาก ๆ ส่วนกล้องดิจิตอลระดับมือสมัครเล่นหรือระดับโปรแบบ SLR.จะเป็นแบบ RGB Matrix คุณภาพจะสู้ Digital Back ไม่ได้กล้องดิจิตอลระดับมืออาชีพ สามารถบันทึกภาพในแบบ TIFF และ RAW Fileทำให้ไม่เกิดการสูญเสียคุณภาพจากการเก็บบันทึกภาพเหมือนไฟล์แบบ JPEG. ที่ใช้ในกล้องระดับมือสมัครเล่น และยังสามารถปรับแก้คุณภาพด้วย Software ในขั้นตอนของการแปลง RAW File มาเป็น TIFF File ที่คอมพิวเตอร์ได้อีกด้วย จึงเป็นที่นิยมใช้งานกันมากสำหรับงานที่ต้องการคุณภาพสูงมากจริง ๆ แต่ไม่เหมาะกับการใช้งานของมือสมัครเล่นเท่าใดนัก เพราะใช้งานยุ่งยากกว่า กล้องมีขนาดใหญ่และหนัก ใช้ Memory จำนวนมาก ราคาแพง และลูกเล่นไม่หลากหลายเหมือนกล้องมือสมัครเล่น เช่น ถ่ายวิดิโอไม่ได้











เลนส์สำหรับกล้องดิจิตอล
กล้องดิจิตอลต้องอาศัยเลนส์เช่นเดียวกับกล้องใช้ฟิล์มเลนส์ของกล้องดิจิตอลทำหน้าที่รวมแสง และทำให้เกิดภาพบน Image Sensor ควบคุมมุมการรับภาพ ปริมาณแสง และมีผลต่อสีสัน ความคมชัด และรายละเอียดบน Image Sensor

เลนส์มาตรฐานของกล้องถ่ายภาพ คำนวณมาจากเส้นทะแยงมุมของขนาดฟิล์มหรือ Image Sensor เลนส์มาตรฐานของกล้อง 35มม.SLR ซึ่งใช้ฟิล์มขนาด 24x36 มม. คือเลนส์ 43 มม. (แต่ผลิตจริงที่ 50 มม.) แต่สำหรับกล้องดิจิตอล ขนาดของเลนส์มาตรฐานมีขนาดไม่แน่นอน เนื่องจากกล้องดิจิตอล ใช้ Image Sensor หลายขนาดมาก เช่น 4.8x3.6 มม., 6.4x4.8 มม., 8.8x6.6 มม. ทางยาวโฟกัสเลนส์มาตรฐานของกล้องดิจิตอลจึงต้องดูจากขนาดของ Image Sensor ที่ใช้อยู่ในกล้องตัวนั้นๆ ส่วนใหญ่ Image Sensor ของกล้องดิจิตอลจะมีขนาดเล็กกว่าฟิล์ม 35 มม. ทำให้ทางยาวโฟกัสของเลนส์มาตรฐานน้อยกว่า 43 มม. ยกเว้นในกล้องดิจิตอลแบบ Digital Back ซึ่ง Image Sensor จะมีขนาดใหญ่พอ ๆ หรือมากกว่าขนาดฟิล์ม 35 มม.




โดยทั่วไป ผู้ผลิตกล้องดิจิตอลจะบอกทางยาวโฟกัสของกล้องเอาไว้ทั้งทางยาวโฟกัสที่แท้จริงและทางยาวโฟกัสเทียบเคียง เช่น Fujifilm FinePix S602 Zoom มีขนาดทางยาวโฟกัสของเลนส์เท่ากับ 7.8 - 46.8 มม. เทียบเท่าเลนส์ 35-210 มม.ของกล้องขนาด 35 มม. เนื่องจากผู้ใช้ส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับทางยาวโฟกัสของกล้อง 35 มม.SLR มากกว่าสำหรับกล้องดิจิตอลแบบ SLR ที่สามารถถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ เมื่อนำเอาเลนส์ของกล้อง 35มม.มาใส่กับกล้องดิจิตอลที่มีขนาด Image Sensor เล็กกว่าขนาดฟิล์ม ทางยาวโฟกัสของเลนส์จะเพิ่มขึ้น (เพราะมุมการรับภาพแคบลง) ส่วนขนาดช่องรับแสงยังคงเดิม ผู้ผลิตจะบอกค่า “ตัวคูณทางยาวโฟกัส” หรือ Focal Length Multiplier เช่น ตัวคูณทางยาวโฟกัสเท่ากับ 1.5 เมื่อนำเอาเลนส์ขนาด 50mm.F1.4 มาใช้ ทางยาวโฟกัสจะเปลี่ยนเป็น 50x1.5 mm. = 75 mm.F1.4 เป็นต้นเลนส์ที่มีทางยาวโฟกัสสูงกว่าเส้นทะแยงมุมของ Image Sensorที่ใช้ในกล้องดิจิตอลจะถือเป็นเลนส์ถ่ายไกล (Telephoto Lens) ส่วนเลนส์ที่ทางยาวโฟกัสน้อยกว่าเส้นทะแยงมุมของ Image Sensor ถือเป็นเลนส์มุมกว้าง (Wide Angle Lens) นอกจากทางยาวโฟกัสของเลนส์เมื่อนำมาใช้กับกล้องดิจิตอลจะเปลี่ยนไปแล้ว อัตราขยายของภาพ สเกลความชัดลึก และช่วงความชัดของเลนส์ยังเปลี่ยนไปด้วย ซึ่งค่าที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากขึ้นกับ Image Sensor ที่ใช้งาน ต้องดูเป็นตัว ๆ ไปโดยทั่วไป ผู้ผลิตกล้องดิจิตอลจะบอกทางยาวโฟกัสของกล้องเอาไว้ทั้งทางยาวโฟกัสที่แท้จริงและทางยาวโฟกัสเทียบเคียง เช่น Fujifilm FinePix S602 Zoom มีขนาดทางยาวโฟกัสของเลนส์เท่ากับ 7.8 - 46.8 มม. เทียบเท่าเลนส์ 35-210 มม.ของกล้องขนาด 35 มม. เนื่องจากผู้ใช้ส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับทางยาวโฟกัสของกล้อง 35 มม.SLR มากกว่าสำหรับกล้องดิจิตอลแบบ SLR ที่สามารถถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ เมื่อนำเอาเลนส์ของกล้อง 35มม.มาใส่กับกล้องดิจิตอลที่มีขนาด Image Sensor เล็กกว่าขนาดฟิล์ม ทางยาวโฟกัสของเลนส์จะเพิ่มขึ้น (เพราะมุมการรับภาพแคบลง) ส่วนขนาดช่องรับแสงยังคงเดิม ผู้ผลิตจะบอกค่า “ตัวคูณทางยาวโฟกัส” หรือ Focal Length Multiplier เช่น ตัวคูณทางยาวโฟกัสเท่ากับ 1.5 เมื่อนำเอาเลนส์ขนาด 50mm.F1.4 มาใช้ ทางยาวโฟกัสจะเปลี่ยนเป็น 50x1.5 mm. = 75 mm.F1.4 เป็นต้นเลนส์ที่มีทางยาวโฟกัสสูงกว่าเส้นทะแยงมุมของ Image Sensorที่ใช้ในกล้องดิจิตอลจะถือเป็นเลนส์ถ่ายไกล (Telephoto Lens) ส่วนเลนส์ที่ทางยาวโฟกัสน้อยกว่าเส้นทะแยงมุมของ Image Sensor ถือเป็นเลนส์มุมกว้าง (Wide Angle Lens) นอกจากทางยาวโฟกัสของเลนส์เมื่อนำมาใช้กับกล้องดิจิตอลจะเปลี่ยนไปแล้ว อัตราขยายของภาพ สเกลความชัดลึก และช่วงความชัดของเลนส์ยังเปลี่ยนไปด้วย ซึ่งค่าที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากขึ้นกับ Image Sensor ที่ใช้งาน ต้องดูเป็นตัว ๆ ไป















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น